สำหรับคนที่ลังเลว่าจะเลือก ไอโฟน iPhone ขนาดความจุ 16 GB กับ 32 GB หรือดีนะ ก็อยากจะแนะนำคร่าวๆ ตามนี้ครับ
16 GB น่าจะเหมาะกับ
- คนที่ใช้ iPhone 4 ใช้โทรเข้าโทรออกเป็นหลัก
- ใช้งาน app บ้าง ส่วนใหญ่เป็น app ที่นิยมกันทั่วไป อย่าง Windows Live Messenger, Facebook, Twitter และอื่นๆ
- เล่นเกมบ้าง แต่ไม่เป็นเซียนเกม หรือเล่นแต่เกมเล่นง่ายๆ เล่นเพลิน
- ฟังเพลง ดูหนัง ใน iPhone บ้าง
- ชอบถ่ายรูป แต่ไม่ชอบถ่าย Clip Video
- ดูคลิป YouTube ผ่านสตรีมมิ่ง
32 GB น่าจะเหมาะกับ
- คนที่เน้นใช้ฟีเจอร์สมาร์ทโฟน มากกว่าแค่โทรเข้า โทรออก
- เป็นนักโหลด App มาเล่นตัวยง
- เป็นนักเล่นเกมจริงจัง กราฟิคเทพ ๆ
- ชอบถ่ายคลิปวีดีโอ และถ่ายรูปด้วยมือถือ iPhone ตลอดเวลา
- ชอบดูหนัง และฟังเพลงผ่านไอโฟน
- ชอบบันทึกคลิป YouTube เก็บไว้ในเครื่อง ไว้ดูภายหลัง
เอาตัวอย่างเป็นเครื่อง iPhone 3Gs 32 GB. ที่ใช้อยู่ประจำ ก็ปรกติแล้วใช้ไม่ถึง 32 GB. ถ้าไม่ได้ยัดหนัง หรือซีรียส์ลงไปใน iPhone 4 ซึ่งเพลง ก็ใช้ประมาณ 5 GB. (1500 เพลง) รูปประมาณ 500 MB (เกือบ 600 รูป) App & Games ประมาณ 10 GB (300 Apps และ Games ) ข้อมูลอื่นๆ ประมาณ 2 GB. รวม ๆ แล้วก็เหลือประมาณ 10 GB
ส่วนสำหรับ ใครลังเลว่าจะเลือกใช้ iPhone กับมือถือค่ายไหนดี ?
สำหรับ ต่างจังหวัด
แนะนำให้เลือกค่ายมือถือตาม เบอร์เดิมที่ใช้อยู่ เพราะเนื่องจากตอนนี้ยังไม่สามารถใช้เบอร์เดิม ย้ายค่ายได้ สำหรับต่างจังหวัดยังไม่มี 3G ดังนั้นตัวเลือกน่าจะอยู่ที่คุณภาพของสัญญาณมือถือพื้นฐาน ซะมากกว่า ดังนั้น AIS และ Dtac ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ ซึ่งสำหรับ True Move สำหรับต่างจังหวัดยังไงก็แพ้ สองเจ้าแรกอยู่แล้ว จากประสบการณ์ตรงที่ใช้ True Move อยู่ถ้าออกต่างจังหวัด ยิ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว True มักไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ หรือสัญญาณอ่อน และคงไม่ต้องพูดถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ต อย่างดีก็ EDGE เอื่อย ๆ
สำหรับ กรุงเทพมหานคร
ถ้าคุณอยากใช้ iPhone ให้คุ้มสุด และเป็นคนที่ชอบเล่น App หรือ Game ใหม่ๆ หรือใช้เช็คเมล เข้าเว็บราวเซอร์ ค้นหาข้อมูลอยู่ตลอด ก็แนะนำให้เลือก True Move ไปเลย เพราะว่า ทรูมูฟ สามารถใช้งาน iPhone 4 ทางด้านดาต้า ได้เต็มที่ เพราะว่ามีสัญญาณ 3G รองรับทั่วกรุงเทพ และพื้นที่ต่างจังหวัดบางที่ และยังให้ Wi-Fi ใช้ได้ทั่วกรุงเทพเช่นกัน ซึ่งเหมาะกับคนที่ต้องการใช้ FaceTime ซึ่ง เอไอเอส และดีแทค ให้ไม่ได้ในจุดนี้ แต่ใจจริงก็ไม่ค่อยอยากเรียกว่า True Wi-Fi เป็นจุดเด่นเลย เพราะหลาย ๆ ที่สัญญาณไวไฟ ไม่ทำงานแล้ว มีสัญญาณเต็มแต่ก็เล่นไม่ได้ หรือสัญญาณอ่อนในหลายพื้นที่ และเน็ต Wi-Fi ที่ให้ก็แค่ 1 MB. เท่านั้นเอง อุปกรณ์ และพื้นที่ให้บริการ Wi-Fi ก็ดูเหมือนไม่ได้ปรังปรุงหรือพัฒนาจากเดิมไปเท่าไหร่นัก แต่โดยรวมแล้ว ก็ยังถือว่า มีดีกว่าไม่มีอยู่ดีนั่นแหละ
แต่ใครที่เลือก ใช้ dtac หรือ AIS ในกรุงเทพ และอยากใช้บริการ Wi-Fi ก็ลองใช้บริการของ 3BB HotSpot แทน ซึ่งให้ความเร็ว WiFi HotSpot ที่แรง และเร็วกว่า ของ True WiFi แน่นอน เพราะธรรมดาแล้ว WiFi HotSpot ของ 3BB จะให้ความเร็วเท่ากับ package ต่ำสุดของอินเทอร์เน็ต ADSL นั่นเลย ซึ่งก็คือประมาณ 4-5 MB. และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นไปอีก ซึ่งราคาก็ถือว่าน่าคบหา ถ้าใครใช้เป็นประจำ เพราะเดือนละ 107 บาท เล่นได้ unlimited ข้อเสียก็คือเนื่องจากเพิ่งรุก เข้ามาในกรุงเทพ ดังนั้น จุดบริการ WiFi HotSpot ของ 3BB ยังน้อยอยู่ ถ้าเทียบกับของทาง WiFi by True แต่ถ้ามองแบบทั่วประเทศแล้ว 3BB HotSpot ก็เป็น Wi-Fi ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย
http://apptube.exteen.com/20101001/iphone-4